โรคร้ายที่ผู้หญิงต้องรู้จัก (คู่หูเดินทาง)
มะเร็งปากมดลูก ถือเป็นโรคร้ายอันดับแรกของสาวไทยทีเดียว โรคนี้บางครั้งอาจไม่แสดงอาการนานถึง 15 ปี สาเหตุมาจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น
การมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย
การมีคู่นอนหลายคน
การตั้งครรภ์หรือมีลูกหลายคน
มีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะเชื้อไวรัสหูดหงอนไก่ (Human Papilloma Virus (HPV)
การรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ๆ
มีคู่นอนที่เข้าข่ายเหล่านี้ คือ ผู้ชายที่มีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย ผู้ชายที่เป็นมะเร็งองคชาติ ผู้ชายที่เคยมีภรรยาเป็นมะเร็งปากมดลูก ผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น การสูบบุหรี่ มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ จากพันธุกรรม และการขาดสารอาหารบางชนิด
มีอาการแบบไหนถึงควรรีบไปตรวจ?
มะเร็งปากมดลูกมักพบในสตรีอายุ 45-55 ปี แต่ตอนนี้มักตรวจพบมะเร็งปากมดลูกก่อนวัยอันควร และปัจจุบันก็พบในอายุน้อยลง โดยเซลล์ปากมดลูกผิดปกติมักพบในวัยเจริญพันธุ์ มะเร็งปากมดลูกมักไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจน จึงเป็นสาเหตุให้การวินิจฉัยกระทำได้ช้า และมักตรวจพบเมื่อเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว ที่สำคัญผู้หญิงส่วนมากมักปฏิเสธการตรวจภายใน เพราะอายและกลัว และมักจะไม่มีอาการ จึงละเลยการตรวจร่างกาย
อาการเตือนอาจมีได้ดังนี้
1. ตกขาวสีเหลือง มีกลิ่น ปนเลือด
2. เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด (อาจพบหลังมีเพศสัมพันธ์)
3. ปวดท้องน้อย (พบในกรณีมะเร็งลุกลามเนื้อเยื้อในช่องเชิงกราน)
4. ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะเป็นเลือด (พบในกรณีมีการลุกลามไปกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย)
5. เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
6. ขาบวม (มะเร็งลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง)
Education about good health. At your home. (สุขภาพไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องทำเป็นเรื่องเล่นๆ นะครับ)
วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554
มหิดลโชว์นวัตกรรม รักษามะเร็งสมอง
![]() |
มหาวิทยาลัยมหิดล |
มหิดลโชว์นวัตกรรม รักษามะเร็งสมอง (ไทยโพสต์)
มหาวิทยาลัยมหิดลเผยความคืบหน้าวิจัยนวัตกรรมระบบส่งยารักษามะเร็งสมองได้แม่นยำ ตรงจุด ไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะรอบข้าง คาดภายใน 3 ปี สามารถใช้ได้จริงกับผู้ป่วย ลดค่าใช้จ่ายจากเดิมกว่า 5 เท่า
รศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล แถลงเรื่อง "ความก้าวหน้าผลการรักษามะเร็งในเด็กและนวัตกรรมระบบส่งยามะเร็ง" ว่า ปัจจุบันการเกิดโรคมะเร็งในเด็กมีอัตราสูงขึ้น และมักเกิดกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบ โดยเฉลี่ยประมาณปีละ 1,000-1,500 รายต่อปี ในจำนวนนี้คิดเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว 30% เนื้องอกในสมอง 20% มะเร็งต่อมน้ำเหลือง 20% มะเร็งต่อมหมวกไต 10% อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคมะเร็งในเด็กสามารถรักษาให้หายขาดได้ถึง 80% เพราะเซลล์ของเด็กจะมีการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรม จึงสามารถตอบสนองได้ดีกว่าการรักษาในผู้ใหญ่
ทั้งนี้ การรักษาโรคมะเร็งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
1.การผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออก
2.การใช้เคมีบำบัด
3.การใช้รังสีบำบัด
4.การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งจะสามารถทำได้หลายวิธี แต่มะเร็งในสมองเป็นมะเร็งที่รักษาได้ยากที่สุด
"มะเร็งที่หายขาดได้ยากคือเนื้องอกในสมองเด็ก โอกาสหายมีเพียง 30-60% ถือว่ายังไม่ดีเลย" รศ.นพ.สุรเดชกล่าว
มหาวิทยาลัยมหิดลเผยความคืบหน้าวิจัยนวัตกรรมระบบส่งยารักษามะเร็งสมองได้แม่นยำ ตรงจุด ไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะรอบข้าง คาดภายใน 3 ปี สามารถใช้ได้จริงกับผู้ป่วย ลดค่าใช้จ่ายจากเดิมกว่า 5 เท่า
รศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล แถลงเรื่อง "ความก้าวหน้าผลการรักษามะเร็งในเด็กและนวัตกรรมระบบส่งยามะเร็ง" ว่า ปัจจุบันการเกิดโรคมะเร็งในเด็กมีอัตราสูงขึ้น และมักเกิดกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบ โดยเฉลี่ยประมาณปีละ 1,000-1,500 รายต่อปี ในจำนวนนี้คิดเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว 30% เนื้องอกในสมอง 20% มะเร็งต่อมน้ำเหลือง 20% มะเร็งต่อมหมวกไต 10% อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคมะเร็งในเด็กสามารถรักษาให้หายขาดได้ถึง 80% เพราะเซลล์ของเด็กจะมีการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรม จึงสามารถตอบสนองได้ดีกว่าการรักษาในผู้ใหญ่
ทั้งนี้ การรักษาโรคมะเร็งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
1.การผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออก
2.การใช้เคมีบำบัด
3.การใช้รังสีบำบัด
4.การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งจะสามารถทำได้หลายวิธี แต่มะเร็งในสมองเป็นมะเร็งที่รักษาได้ยากที่สุด
"มะเร็งที่หายขาดได้ยากคือเนื้องอกในสมองเด็ก โอกาสหายมีเพียง 30-60% ถือว่ายังไม่ดีเลย" รศ.นพ.สุรเดชกล่าว

ด้าน ดร.นรเศรษฐ์ ณ สงขลา อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับทีมแพทย์ รพ.รามาธิบดี พัฒนาระบบส่งยามะเร็งที่สามารถฉีดเข้าสู่ก้อนเนื้อมะเร็งในปริมาณที่ต้องการ เพื่อทำลายก้อนเนื้อมะเร็งโดยตรง เป็นการรักษาที่ตรงจุด (intratumoral implantation) และไม่ทำลายเซลล์ หรืออวัยวะอื่นบริเวณใกล้เคียง โดยการนำเอาสารโพลิเมอร์ที่ใช้เฉพาะกับคน ที่มีคุณสมบัติเป็นเจล ซึ่งจะแข็งตัวภายในโดยรอบก้อนมะเร็งและไม่เป็นอันตรายต่อสมอง ผสมกับยารักษามะเร็ง (เอสเอ็น-38) ในเข็มฉีดยา แล้วฉีดลงไปในบริเวณโพรงสมอง ตัวยาจะซึมเข้าไปในจุดก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็ง และออกฤทธิ์ต่อการเจริญเติบโตของก้อนมะเร็ง และสามารถหยุดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้
ขั้นตอนดังกล่าวยังอยู่ในขั้นทดลองกับสัตว์ โดยมีระยะเวลาในการศึกษาวิจัยตั้งแต่ปี 2552-2554 ซึ่งประมาณปลายปีนี้จะได้ผลการทดลองออกมา ทั้งนี้ คาดว่าประมาณ 2-3 ปี อาจจะสามารถพัฒนาให้ใช้กับคนได้ นอกจากนี้การวิจัยดังกล่าวยังเหลืออีก 2 ขั้นตอน คือ การวิจัยกับสัตว์ทดลองในระดับต่อไปอีกประมาณ 3 ปี และจากนั้นจึงเริ่มการทดลองกับผู้ป่วยจริงอีก 3 ปี โดยทั้งหมดจะใช้งบประมาณศึกษาวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล ประมาณ 10 ล้านบาท
"หากผลการวิจัยนี้สำเร็จและสามารถใช้รักษาผู้ป่วยได้จริง ก็จะสามารถลดค่าใช้จ่ายโรคมะเร็งในสมองลงเกือบ 5 เท่า ซึ่งปัจจุบันการรักษามะเร็งในสมองราคาประมาณ 1 ล้านบาท" ดร.นรเศรษฐ์ กล่าว
Present by hygiene4u.
4 อาหารตัวช่วยชั้นยอดในการออกกำลังกาย
![]() |
โยเกิร์ต อาหารเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง |
1.น้ำผึ้ง การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่า อาหารที่มีส่วนประกอบของ "ฟรักโตส" และ "กลูโคส" จะช่วยเสริมสร้างพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากกว่าอาหารที่มี "กลูโคส" เพียงอย่างเดียว แน่นอนว่า "น้ำผึ้ง" คือ อาหารที่มีส่วนประกอบทั้ง "ฟรักโตส" และ "กลูโคส" แถม "น้ำผึ้ง" ยังมีวิตามิน รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งดีต่อสุขภาพอีกด้วย
2.แอปเปิ้ล การกินแอปเปิ้ลสักลูกก่อนออกกำลังกาย จะช่วยให้คุณออกกำลังกายได้นานขึ้น เพราะแอปเปิ้ลอุดมไปด้วย "เควอซิทิน" ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ต่อต้านออกซิเดชั่นสูงที่สุด โดยมีผลการศึกษาพบว่า "เควอซิทิน" สามารถช่วยให้นักปั่นจักรยานขี่จักรยานได้นานขึ้น เพราะ "เควอซิทิน" จะไปช่วยสร้างออกซิเจนในปอดให้เพิ่มขึ้น ทำให้รู้สึกอดทนมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งนอกจาก "แอปเปิ้ล" แล้ว ยังพบสาร "เควอซิทิน" มากใน "องุ่น" อีกด้วย
3.นม ไม่จำเป็นต้องดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ใด ๆ เพื่อเติมพลังงาน หลังออกกำลังกายเสร็จแล้ว แต่ให้ดื่มนมธรรมดาทั่วไป หรือ นมช็อกโกแลต ซึ่งประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรต และโปรตีน จะช่วยให้ร่างกายของคุณหลังออกกำลังกายปรับตัวสู่ความสมดุลได้ดีขึ้น
10 สารต้านอนุมูลอิสระ
10 สารต้านอนุมูลอิสระ (Woman plus)
มาดูกันว่า อาหารประเภทไหนบ้าง มีสารต้านอนุมูลอิสระ
1.สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
สารซูเปอร์แอนตี้ออกซิแดนท์คุณค่าสูงกว่าวิตามินซี 20 เท่า และวิตามินอี 50 เท่า อยู่ในกระแสเลือดได้นานถึง 72 ชั่วโมง สามารถป้องกันและลดการทำลายล้างจาก สารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายเราตลอดเวลา ทั้งจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน โดยเฉพาะระบบหลอดเลือด หัวใจ ผิวหนัง และตา ช่วยชะลอการเสื่อมของผิวพรรณไม่ให้แก่ก่อนวัยอย่างตรงจุด ปริมาณการใช้ วันละ 20-60 มก.
2.ชาเขียว
สารต้านอนุมูลอิสระประเภทฟลาโวนอยด์หลายชนิด โดยเฉพาะสาร EGCG ที่มีฤทธิ์มากกว่าวิตามินอีถึง 20 เท่า สามารถลดอัตราการเป็นมะเร็งของอวัยวะ โดยเฉพาะมะเร็งปอด, มะเร็งลำไส้, มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งตับ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเป็นพิษจากการสูบบุหรี่ ปริมาณการใช้ วันละ 300-1,000 มก.
มาดูกันว่า อาหารประเภทไหนบ้าง มีสารต้านอนุมูลอิสระ
1.สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
สารซูเปอร์แอนตี้ออกซิแดนท์คุณค่าสูงกว่าวิตามินซี 20 เท่า และวิตามินอี 50 เท่า อยู่ในกระแสเลือดได้นานถึง 72 ชั่วโมง สามารถป้องกันและลดการทำลายล้างจาก สารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายเราตลอดเวลา ทั้งจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน โดยเฉพาะระบบหลอดเลือด หัวใจ ผิวหนัง และตา ช่วยชะลอการเสื่อมของผิวพรรณไม่ให้แก่ก่อนวัยอย่างตรงจุด ปริมาณการใช้ วันละ 20-60 มก.
2.ชาเขียว
สารต้านอนุมูลอิสระประเภทฟลาโวนอยด์หลายชนิด โดยเฉพาะสาร EGCG ที่มีฤทธิ์มากกว่าวิตามินอีถึง 20 เท่า สามารถลดอัตราการเป็นมะเร็งของอวัยวะ โดยเฉพาะมะเร็งปอด, มะเร็งลำไส้, มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งตับ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเป็นพิษจากการสูบบุหรี่ ปริมาณการใช้ วันละ 300-1,000 มก.
16 วิธีสร้างสุขแบบง่าย ๆ ทำได้ด้วยตัวเอง
คำพูดที่ว่า "ความสุขหาซื้อไม่ได้ด้วยเงิน" ยังคงใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัย จริงไหมคะ? แน่นอนว่าในทุก ๆ วัน เราอาจจะต้องเผชิญกับเรื่องชวนเครียดเต็มไปหมด ทั้งเรื่องเรียน การทำงาน อกหัก แอบรักใคร หรือปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย วันนี้เรามี 16 วิธีสร้างความสุขง่าย ๆ ให้กับตัวคุณเองมาฝากกันค่ะ
1. มองที่ตู้ปลา
การจ้องตู้ปลาสามารถลดความเครียดและทำให้ความดันเลือดลดลง หรือแม้แต่การดูสารคดีเกี่ยวกับปลาก็ได้รับการพิสูจน์แล้วเช่นกันว่ามีผลในการบำบัด ช่วยให้คุณมีสุขภาพดียิ่งขึ้น
2. ใส่เสื้อสีเหลือง
จากการศึกษาจิตวิทยาของสี แสดงให้เห็นว่าสีเหลืองช่วยให้จิตใจเบิกบาน มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ความมั่นคงทางอารมณ์ และความเป็นมิตร แถมยังช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ด้วย ดังนั้นการใส่เสื้อสีเหลืองจึงได้รับการยืนยันแล้วว่าสามารถยกระดับจิตใจและเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองได้ อีกทั้งยังส่งผลไปถึงคนอื่น ๆ ให้มีความสุขด้วยเช่นกัน ถึงแม้บ้านเมืองเราจะมีประเด็นเรื่องเสื้อหลากสีอยู่ ก็ลืม ๆ ไปบ้างก็ดีนะคะ อย่างน้อยก็เพื่อสุขภาพใจของเรานะ
3. ใช้พลังของกลีบดอกไม้
ผลการวิจัยล่าสุดยืนยันว่ากลีบดอกไม้มีพลังพิเศษที่สามารถปลุกชาวอเมริกันจากอาการง่วงซึมขึ้นมาในยามเช้าได้ ทำให้พวกเขารู้สึกดี มีความสุขและตื่นตัวมากขึ้นหลังจากที่ลืมตามองเห็นดอกไม้เป็นอย่างแรก
4. ดื่มนม
ผลิตภัณฑ์จากนมอุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งจะช่วยลดความตึงเครียด ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น และช่วยเพิ่มความจำในสมอง
1. มองที่ตู้ปลา
การจ้องตู้ปลาสามารถลดความเครียดและทำให้ความดันเลือดลดลง หรือแม้แต่การดูสารคดีเกี่ยวกับปลาก็ได้รับการพิสูจน์แล้วเช่นกันว่ามีผลในการบำบัด ช่วยให้คุณมีสุขภาพดียิ่งขึ้น
2. ใส่เสื้อสีเหลือง
จากการศึกษาจิตวิทยาของสี แสดงให้เห็นว่าสีเหลืองช่วยให้จิตใจเบิกบาน มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ความมั่นคงทางอารมณ์ และความเป็นมิตร แถมยังช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ด้วย ดังนั้นการใส่เสื้อสีเหลืองจึงได้รับการยืนยันแล้วว่าสามารถยกระดับจิตใจและเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองได้ อีกทั้งยังส่งผลไปถึงคนอื่น ๆ ให้มีความสุขด้วยเช่นกัน ถึงแม้บ้านเมืองเราจะมีประเด็นเรื่องเสื้อหลากสีอยู่ ก็ลืม ๆ ไปบ้างก็ดีนะคะ อย่างน้อยก็เพื่อสุขภาพใจของเรานะ
3. ใช้พลังของกลีบดอกไม้
ผลการวิจัยล่าสุดยืนยันว่ากลีบดอกไม้มีพลังพิเศษที่สามารถปลุกชาวอเมริกันจากอาการง่วงซึมขึ้นมาในยามเช้าได้ ทำให้พวกเขารู้สึกดี มีความสุขและตื่นตัวมากขึ้นหลังจากที่ลืมตามองเห็นดอกไม้เป็นอย่างแรก
4. ดื่มนม
ผลิตภัณฑ์จากนมอุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งจะช่วยลดความตึงเครียด ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น และช่วยเพิ่มความจำในสมอง
วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554
10 วิธีป้องกันโรคร้ายจากเทคโนโลยี
10 วิธีป้องกันโรคร้าย จากเทคโนโลยี (Lisa)
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยุคนี้เป็นยุคแห่งเทคโนโลยีจริง ๆ และสำหรับคอเทคโนโลยีทั้งหลาย คุณอาจกำลังเสี่ยงโรคร้ายอีกหลายโรค เพื่อเป็นการป้องกัน เราจึงมี 10 วิธีป้องกันโรคร้ายมาบอกกล่าวกัน
1.แว่นตา หรือ คอนแทคเลนส์ทั่วไป อาจจะไม่เพียงพอต่อการป้องกันแสง สำหรับคนที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน จึงควรเลือกแว่นตา หรือคอนแทคเลนส์ที่เคลือบป้องกันแสงจากหน้าจอโดยเฉพาะดีกว่า
2.หลายคนรู้สึกสบายกว่าเวลาที่ดวงตาของเรามองลงต่ำ ถ้าจะให้ดีหน้าจอควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตา 15-20 องศา หรือประมาณ 4-5 นิ้ว และเว้นระยะห่างจากดวงตาของเรา 20-28 นิ้ว
3.เพื่อป้องกันไม่ให้ดวงตาเมื่อยล้า อย่าลืมพักสายตาเมื่อใช้คอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน ทุก ๆ สองชั่วโมง ควรพักสายตา 15 นาที และทุก ๆ ชั่วโมงให้ลองมองออกไปไกล ๆ 20 วินาที
4.ลดแรงลงหน่อย หลาย ๆ คนใช้แรงมากเกินกว่าที่จำเป็นในงานที่ต้องใช้มือ ถ้าคุณต้องนั่งพิมพ์เป็นระยะเวลานาน พิมพ์เบา ๆ ก็พอ
5.พักมือและข้อมือโดยการยืดและงอ อย่าสะบัด หรือหากเป็นไปได้ก็ควรหันไปทำงานอย่างอื่น ๆ แทนสักพัก
6.สำหรับคนอยู่ในออฟฟิศที่เปิดแอร์เย็น ความอบอุ่นของมือนั้นก็สำคัญมากเช่นกัน ถ้ามือของคุณอยู่ในที่เย็น ก็ยิ่งเสี่ยงต่ออาการปวดหรือตึงมือ ถ้าปรับอุณหภูมิไม่ได้ ก็ควรหาถุงมือแบบที่ไม่มีนิ้วใส่ เพื่อให้อุ้งมือและข้อมืออุ่นตลอดเวลา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยุคนี้เป็นยุคแห่งเทคโนโลยีจริง ๆ และสำหรับคอเทคโนโลยีทั้งหลาย คุณอาจกำลังเสี่ยงโรคร้ายอีกหลายโรค เพื่อเป็นการป้องกัน เราจึงมี 10 วิธีป้องกันโรคร้ายมาบอกกล่าวกัน
1.แว่นตา หรือ คอนแทคเลนส์ทั่วไป อาจจะไม่เพียงพอต่อการป้องกันแสง สำหรับคนที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน จึงควรเลือกแว่นตา หรือคอนแทคเลนส์ที่เคลือบป้องกันแสงจากหน้าจอโดยเฉพาะดีกว่า
2.หลายคนรู้สึกสบายกว่าเวลาที่ดวงตาของเรามองลงต่ำ ถ้าจะให้ดีหน้าจอควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตา 15-20 องศา หรือประมาณ 4-5 นิ้ว และเว้นระยะห่างจากดวงตาของเรา 20-28 นิ้ว
3.เพื่อป้องกันไม่ให้ดวงตาเมื่อยล้า อย่าลืมพักสายตาเมื่อใช้คอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน ทุก ๆ สองชั่วโมง ควรพักสายตา 15 นาที และทุก ๆ ชั่วโมงให้ลองมองออกไปไกล ๆ 20 วินาที
4.ลดแรงลงหน่อย หลาย ๆ คนใช้แรงมากเกินกว่าที่จำเป็นในงานที่ต้องใช้มือ ถ้าคุณต้องนั่งพิมพ์เป็นระยะเวลานาน พิมพ์เบา ๆ ก็พอ
5.พักมือและข้อมือโดยการยืดและงอ อย่าสะบัด หรือหากเป็นไปได้ก็ควรหันไปทำงานอย่างอื่น ๆ แทนสักพัก
6.สำหรับคนอยู่ในออฟฟิศที่เปิดแอร์เย็น ความอบอุ่นของมือนั้นก็สำคัญมากเช่นกัน ถ้ามือของคุณอยู่ในที่เย็น ก็ยิ่งเสี่ยงต่ออาการปวดหรือตึงมือ ถ้าปรับอุณหภูมิไม่ได้ ก็ควรหาถุงมือแบบที่ไม่มีนิ้วใส่ เพื่อให้อุ้งมือและข้อมืออุ่นตลอดเวลา
ยุทธวิธีถ่ายสบาย หายท้องผูก
ยุทธวิธีถ่ายสบาย หายท้องผูก (MomyPedia)
โดย: น.พ.สมชาย แสงกิจพร
ท้องผูกเป็นอาการที่เกิดจากโรคหรือความผิดปกติหลายอย่าง อาการนี้ดูไม่ร้ายแรง แต่ใครไม่เจอกับตัวเอง ไม่รู้หรอกครับว่ามันทรมานแค่ไหน..ใส่ใจกับเรื่องกินเรื่องอยู่กันสักนิด แล้วจะถ่ายสบายหายห่วง
ท้องผูก..ได้อย่างไรนะ
สาเหตุของอาการท้องผูกที่พบบ่อย ได้แก่ การขาดการออกกำลังกาย ดื่มน้ำน้อย กินผักผลไม้น้อย หรือดื่มชา กาแฟ ซึ่งมีสารทำให้ท้องผูก บางคนมีความวิตกกังวลสูง หรือเศร้าซึมเป็นอาจินต์ ก็มักมีอาการท้องผูกด้วย นอกจากนั้นโรคของระบบทางเดินอาหาร เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ ริดสีดวงทวาร หรือแผลแตกบริเวณปากทวารหนักก็ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้เช่นเดียวกัน
มะเร็ง..ก็ทำให้ท้องผูก
โรคระบบทางเดินอาหารที่น่ากลัว และทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ คือ มะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งมักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ท้องผูกสลับกับท้องเดินเป็นระยะๆ และเรื้อรัง ถ่ายเป็นเลือด น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เบื่ออาหาร หรือคลำพบก้อนบริเวณท้อง ซึ่งถ้าใครมีอาการแบบนี้ควรปรึกษาแพทย์โดยด่วนครับ
ริดสีดวงทวาร..ตัวการหนึ่งของท้องผูก
ส่วนโรคระบบทางเดินอาหารที่ไม่น่ากลัวและพบมากในปัจจุบัน ได้แก่ ริดสีดวงทวาร ซึ่งอาจเป็นผลของอาการท้องผูก และกลายเป็นเหตุของอาการท้องผูกตามมา เรียกว่าเป็นวงจรก็ได้ ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยมักจะกลัวการถ่ายอุจจาระ เพราะเจ็บเวลาถ่าย จึงมักกลั้นอุจจาระไว้ นานๆ เข้าก็เกิดอาการท้องผูกตามมา จึงควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือ นั่นคือรักษาโรคริดสีดวงทวารเสีย
โดย: น.พ.สมชาย แสงกิจพร
ท้องผูกเป็นอาการที่เกิดจากโรคหรือความผิดปกติหลายอย่าง อาการนี้ดูไม่ร้ายแรง แต่ใครไม่เจอกับตัวเอง ไม่รู้หรอกครับว่ามันทรมานแค่ไหน..ใส่ใจกับเรื่องกินเรื่องอยู่กันสักนิด แล้วจะถ่ายสบายหายห่วง
ท้องผูก..ได้อย่างไรนะ
สาเหตุของอาการท้องผูกที่พบบ่อย ได้แก่ การขาดการออกกำลังกาย ดื่มน้ำน้อย กินผักผลไม้น้อย หรือดื่มชา กาแฟ ซึ่งมีสารทำให้ท้องผูก บางคนมีความวิตกกังวลสูง หรือเศร้าซึมเป็นอาจินต์ ก็มักมีอาการท้องผูกด้วย นอกจากนั้นโรคของระบบทางเดินอาหาร เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ ริดสีดวงทวาร หรือแผลแตกบริเวณปากทวารหนักก็ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้เช่นเดียวกัน
มะเร็ง..ก็ทำให้ท้องผูก
โรคระบบทางเดินอาหารที่น่ากลัว และทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ คือ มะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งมักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ท้องผูกสลับกับท้องเดินเป็นระยะๆ และเรื้อรัง ถ่ายเป็นเลือด น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เบื่ออาหาร หรือคลำพบก้อนบริเวณท้อง ซึ่งถ้าใครมีอาการแบบนี้ควรปรึกษาแพทย์โดยด่วนครับ
ริดสีดวงทวาร..ตัวการหนึ่งของท้องผูก
ส่วนโรคระบบทางเดินอาหารที่ไม่น่ากลัวและพบมากในปัจจุบัน ได้แก่ ริดสีดวงทวาร ซึ่งอาจเป็นผลของอาการท้องผูก และกลายเป็นเหตุของอาการท้องผูกตามมา เรียกว่าเป็นวงจรก็ได้ ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยมักจะกลัวการถ่ายอุจจาระ เพราะเจ็บเวลาถ่าย จึงมักกลั้นอุจจาระไว้ นานๆ เข้าก็เกิดอาการท้องผูกตามมา จึงควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือ นั่นคือรักษาโรคริดสีดวงทวารเสีย
คอนแทคเลนส์แฟชั่น ทำวัยรุ่นไทยเสี่ยงตาบอด
วัยรุ่นไทยเสี่ยงตาบอด (สสส.)
เอากันใหญ่แล้ว!!! สำหรับวัยรุ่นไทย กับการนิยมชมชอบแฟชั่นต่าง ๆ นานา ที่มาจากต่างประเทศ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี โดยเฉพาะที่กำลังแพร่หลายอยู่ในขณะนี้ อย่างเทรนด์ "ตาเล็ก" ,"ตาชั้นเดียว" หรือแม้กระทั่ง "ดวงตาสีสันต่าง ๆ" ที่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องเสียเวลาไปผ่าตัดให้สิ้นเปลือง เพราะเค้าใช้!!! "คอนแทคเลนส์"
ถึงแม้ที่ผ่านมา จะมีข่าวคราวกรณีที่มีทั้งเด็กตาอักเสบ ตาบวม บางรายจนถึงขั้นตาบอดไปเลย เหตุเพราะใส่คอนแทคเลนส์ผิดวิธี แต่นั่น!! ก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมของแฟชั่นเสริมสวยดวงตาลดลงแต่อย่างไร กลับยิ่งทวีความนิยมสูงขึ้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นอาจเป็นเพราะราคาของคอนแทคเลนส์ที่ถูกแสนถูก มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ส่วนระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี แล้วแต่ความสะดวกของผู้ใช้
ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังสามารถหาซื้อได้ง่าย จากเดิมที่มีขายแต่ร้านแว่นตา หรือจำเป็นต้องแพทย์สั่งเท่านั้น แต่ปัจจุบันกลับมีวางขายตามแผงค้าตามแหล่งแฟชั่น ตลาดนัด รวมไปถึงการวางจำหน่ายในเว็บไซต์ ทำให้ผู้บริโภคหาซื้อมาสวมใส่ได้ง่ายยิ่งขึ้น และด้วยเหตุผลนี้เอง ที่ทำให้วัยรุ่นไทยกำลังเสี่ยงกับการอันตรายถึงขั้นตาบอดได้...
เอากันใหญ่แล้ว!!! สำหรับวัยรุ่นไทย กับการนิยมชมชอบแฟชั่นต่าง ๆ นานา ที่มาจากต่างประเทศ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี โดยเฉพาะที่กำลังแพร่หลายอยู่ในขณะนี้ อย่างเทรนด์ "ตาเล็ก" ,"ตาชั้นเดียว" หรือแม้กระทั่ง "ดวงตาสีสันต่าง ๆ" ที่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องเสียเวลาไปผ่าตัดให้สิ้นเปลือง เพราะเค้าใช้!!! "คอนแทคเลนส์"
ถึงแม้ที่ผ่านมา จะมีข่าวคราวกรณีที่มีทั้งเด็กตาอักเสบ ตาบวม บางรายจนถึงขั้นตาบอดไปเลย เหตุเพราะใส่คอนแทคเลนส์ผิดวิธี แต่นั่น!! ก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมของแฟชั่นเสริมสวยดวงตาลดลงแต่อย่างไร กลับยิ่งทวีความนิยมสูงขึ้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นอาจเป็นเพราะราคาของคอนแทคเลนส์ที่ถูกแสนถูก มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ส่วนระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี แล้วแต่ความสะดวกของผู้ใช้
ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังสามารถหาซื้อได้ง่าย จากเดิมที่มีขายแต่ร้านแว่นตา หรือจำเป็นต้องแพทย์สั่งเท่านั้น แต่ปัจจุบันกลับมีวางขายตามแผงค้าตามแหล่งแฟชั่น ตลาดนัด รวมไปถึงการวางจำหน่ายในเว็บไซต์ ทำให้ผู้บริโภคหาซื้อมาสวมใส่ได้ง่ายยิ่งขึ้น และด้วยเหตุผลนี้เอง ที่ทำให้วัยรุ่นไทยกำลังเสี่ยงกับการอันตรายถึงขั้นตาบอดได้...
เคล็ดลับเซ็กซ์มาราธอน
นี่คือเคล็ดลับเซ็กซ์มาราธอนสําหรับฝ่ายชาย
ลงมือปฏิบัติกับคนรัก สาวใดอยากสัมผัสกับเซ็กซ์ที่ดื่มด่ำเนิ่นนาน ห่างไกลจาก คําว่า “นกกระจอก” ควรเผื่อแผ่ให้แฟนหนุ่ม ได้อ่านด้วยนะจ๊ะ
พูดจาสองแง่สองง่าม
หากฝ่ายชายเผยวาจาสองแง่สองง่ามตรงริมหูของอีกฝ่าย รับรองว่าฝ่ายที่กําลังรับฟังต้องเผลอไผลบิดกายด้วยความวาบหวิวสุดสยิว ลองเปิดเผยจินตนาการเร้นลับ เคล็ดลับคือ อย่าแตะต้องกันและกัน ปล่อยให้ศิลปะแห่งคําพูดเป็นตัวสร้างอารมณ์และความรู้สึก วิธีนี้จะทําให้เกิดความรัญจวนใจอย่างเหลือเชื่อ รับรองว่า การได้แลกเปลี่ยนจินตนาการกันจะทําให้ทุกส่วนในร่างกายที่ไวต่อความรู้สึกตื่นตัวอย่างน่าอัศจรรย์
นวดและคลึงเคล้า
ก่อนอื่นหนุ่มๆ ต้องข่มใจห้ามแตะต้องหน้าอก ก้น หรือส่วนลี้ลับของฝ่ายหญิงเด็ดขาด จากนั้นค่อยเริ่มกระบวนการ ใช้น้ำมันนวดตัวหรือบอดี้โลชั่น พรมลงบนตัวเธอ แล้วเริ่มนวดไหล่ แผ่นหลัง ช่วงแขน และช่วงขา อย่าขยําขยี้ราวกับกําลังนวดแป้งทําขนม นี่คือโอกาสที่ฝ่ายชายได้ทรมาน ฝ่ายหญิงด้วยการให้ความสนใจกับส่วนอื่นของร่างกาย
ซึ่งนอกเหนือไปจากอวัยวะที่ไวต่อการสัมผัส เมื่อรู้สึกว่าต่างฝ่ายเครื่องร้อนจนแทบหลอมละลาย จึงค่อยหันมาสนใจกับส่วนที่สู้มือ
ขอบคุณข้อมูล :
daradaily.com
Present by hygiene4u.
การตรวจสุขภาพการนอนหลับ (sleep test)
การนอนหลับสนิทและเต็มที่นั้น เป็นสิ่งที่วิเศษสุดอย่างหนึ่งในการฟื้นฟู และซ่อมแซมร่างกายของมนุษย์ แต่ถ้าคุณหรือคนรอบข้างไม่สามารถนอนหลับเช่นนั้นได้ เรามีเครื่องมือในการตรวจค้นหาสาเหตุและแก้ไขได้
การตรวจสุขภาพการนอนหลับ หรือที่เรียกว่า Sleep test เป็นการตรวจวิเคราะห์การทำงานระบบต่างๆ ของร่างกายขณะนอนหลับ เช่น ระบบการหายใจ ระดับออกซิเจนในเลือด การทำงานของคลื่นไฟฟ้าสมอง คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และกล้ามเนื้อ รวมถึงศึกษาพฤติกรรมบางอย่างที่เกิดขึ้นขณะหลับ
ประโยชน์ของการตรวจนี้ เพื่อใช้วินิจฉัยและประเมินระดับความรุนแรงของโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น การกระตุกของกล้ามเนื้อต่างๆ และพฤติกรรมที่ผิดปกติขณะหลับ รวมถึงช่วยในการวินิจฉัยโรคความผิดปกติอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการนอนหลับ ตลอดจนใช้พิจารณาเลือกวิธีการผ่าตัดทางเดินหายใจและติดตามผลการรักษา
สำหรับผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจ Sleep test ได้แก่ ผู้ที่ภาวะนอนกรนดังผิดปกติ หรือมีอาการง่วงนอนกลางวันมากผิดปกติ ทั้งๆ ที่ได้นอนอย่างเพียงพอแล้ว ผู้ที่มีอาการหายใจลำบาก และสงสัยว่า จะมีการหยุดหายใจขณะหลับ หรือผู้ที่มีพฤติกรรมการนอนผิดปกติอื่นๆ เช่น นอนแขนขากระตุก นอนกัดฟัน หรือนอนละเมอ ฝันร้าย สะดุ้งตื่นเป็นประจำ เป็นต้น โดยผู้รับการตรวจควรพบแพทย์เฉพาะทางด้านโรคการนอนหลับโดยตรง หรือแพทย์หู คอ จมูก อายุรแพทย์ หรือกุมารแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้ เพื่อสอบถามประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียดก่อนและหลังการตรวจ ซึ่งจะมีผลต่อการวางแผนและการตัดสินใจเลือกในการรักษา
วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554
โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากการใช้ชีวิตเร่งรีบ
ทุกวันนี้ชีวิตของคนเมืองส่วนใหญ่ล้วนเร่งรีบ ด้วยหน้าที่การงานไม่เปิดโอกาสให้เราเอ้อระเหยได้มากนัก และนั่นเองจึงเป็นที่มาของความเครียด การกินอาหารไม่ตรงเวลา อีกทั้งอาหารที่กินเข้าไปก็ไม่ได้เอื้อให้ดีต่อสุขภาพสักเท่าไร โรคภัยต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นจากความเสียสมดุลของร่างกายนี่เอง
ขอบคุณข้อมูลจาก MomyPedia
เรารวบรวมโรคยอดฮิต 3 โรค ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน มาให้คุณตรวจสอบตัวเอง เพราะแม้ว่าเราไม่อาจจะทำให้การงานวุ่นวายน้อยลงได้ แต่เราหาวิธีรับมือกับสุขภาพของเราได้
1. กรดไหลย้อน
อาการ แสบ ร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่ รู้สึกเหมือนมีรสขมของน้ำดีหรือรสเปรี้ยวของกรดในคอหรือปาก เรอบ่อย คลื่นไส้ จุกแน่นในหน้าอกคล้ายอาหารไม่ย่อย
สาเหตุ มีกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดอาหาร จึงทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหาร
วิธีรักษา
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ น้ำอัดลม ชา กาแฟ ลดอาหารมัน ของทอด ของหวาน และงดสูบบุหรี่
- รับประทานอาหารให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารก่อนนอน อย่างน้อย 3 ชั่วโมง
- ลดน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่อ้วนเกินไป
- รับประทานอาหารให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารก่อนนอน อย่างน้อย 3 ชั่วโมง
- ลดน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่อ้วนเกินไป
หากไม่รักษา อาจจะเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้
2. กระเพาะอาหารอักเสบ
อาการ จะปวดแน่นกลางท้องแบบเรื้อรัง ปวดได้ทั้งเวลาหิวและอิ่ม
สาเหตุ เกิดจากกินอาหารผิดเวลา กินมากเกินไป กินอาหารที่ติดเชื้อแบคทีเรีย มีความเครียดสูง
วิธีรักษา
- งดอาหารเผ็ดจัด งดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ น้ำอัดลม ชา กาแฟ และงดสูบบุหรี่
- อย่าเครียดเกินไป
- กินอาหารให้เป็นเวลา
- ออกกำลังสม่ำเสมอ
- อย่าเครียดเกินไป
- กินอาหารให้เป็นเวลา
- ออกกำลังสม่ำเสมอ
หากไม่รักษา อาจจะลุกลาม กลายเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้
3. ความดันโลหิตสูง
อาการ ปวดหัว เวียนหัว เหนื่อยง่ายผิดปกติ อาจมีอาการแน่นหน้าอกหรือนอนไม่หลับ
สาเหตุ พักผ่อนไม่เพียงพอ
วิธีรักษา
- เลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด เพื่อลดปริมาณเกลือซึ่งจะทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้
- ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ลดน้ำหนักตัว
- ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ลดน้ำหนักตัว
หากไม่รักษา หลอดเลือดในสมองแตก อัมพฤกษ์ อัมพาต หัวใจเต้นผิดจังหวะจนทำให้ถึงแก่ชีวิต
ขอบคุณข้อมูลจาก MomyPedia
Present by hygiene4u.
อาหารคู่ใจของคนอยากผอม
ถึงจะอยากผอมแค่ไหน ก็ไม่จำเป็นต้องอดอยากปากแห้ง แค่คบอาหารพวกนี้เป็นเพื่อน คุณก็มีสิทธิ์ผอมเท่าคนอื่นเขาเหมือนกัน
1. เหลือที่ว่างสำหรับขนม
รักชอบขนมอะไรไม่ต้องไปอด แต่ต้องตัดข้าวออกสักครึ่งจานเพื่อเผื่อท้องไว้กินขนม อย่างกแบบว่าข้าวก็จะกิน ขนมก็จะเอา
รักชอบขนมอะไรไม่ต้องไปอด แต่ต้องตัดข้าวออกสักครึ่งจานเพื่อเผื่อท้องไว้กินขนม อย่างกแบบว่าข้าวก็จะกิน ขนมก็จะเอา
2. อาหารที่ฉ่ำน้ำ
แตงโม มะเขือเทศ แตงกวา เห็ดส้มโอ แคนตาลูป มีติดตู้เย็นไว้อย่าได้ขาด หรือถ้าชอบก๋วยเตี๋ยวก็ต้องกินก๋วยเตี๋ยวน้ำแล้วซดน้ำแกงมากๆ ส่วนมื้อไหนทานข้าว นักไดเอทควรมีแกงจืดวางประจำเป็นผู้ช่วยทุกมื้อ น้ำจะช่วยให้คุณอิ่มเร็ว แถมอิ่มแล้วยังหนักท้อง ไม่หิวบ่อยๆ ด้วย
แตงโม มะเขือเทศ แตงกวา เห็ดส้มโอ แคนตาลูป มีติดตู้เย็นไว้อย่าได้ขาด หรือถ้าชอบก๋วยเตี๋ยวก็ต้องกินก๋วยเตี๋ยวน้ำแล้วซดน้ำแกงมากๆ ส่วนมื้อไหนทานข้าว นักไดเอทควรมีแกงจืดวางประจำเป็นผู้ช่วยทุกมื้อ น้ำจะช่วยให้คุณอิ่มเร็ว แถมอิ่มแล้วยังหนักท้อง ไม่หิวบ่อยๆ ด้วย
3. โปรตีนน้อยย่อยง่าย
สุดยอดอาหารโปรตีนที่ย่อยง่าย ไขมันต่ำ ต้องยกให้ปลาทุกชนิด นอกจากนี้ก็ยังมี อกไก่ ไข่ขาว ปู กุ้ง เต้าหู้ นมไขมันต่ำ และถั่ว เห็นมั้ย ไม่ต้องอดคุณก็ยังผอมได้
สุดยอดอาหารโปรตีนที่ย่อยง่าย ไขมันต่ำ ต้องยกให้ปลาทุกชนิด นอกจากนี้ก็ยังมี อกไก่ ไข่ขาว ปู กุ้ง เต้าหู้ นมไขมันต่ำ และถั่ว เห็นมั้ย ไม่ต้องอดคุณก็ยังผอมได้
4. อาหารที่กระตุ้นการทำงาน
ของแบบนี้หากินได้ไม่ยาก เพราะมันก็คือถั่วนั่นเอง จะถั่วลันเตา ถั่วลิสง ถั่วปากอ้าได้ทั้งนั้น ยกเว้นถั่วที่เรียกว่ามะม่วงหิมพานต์ เพราะอาจจะมีไขมันสูงปรี๊ดเกินต้องการไปหน่อย
ของแบบนี้หากินได้ไม่ยาก เพราะมันก็คือถั่วนั่นเอง จะถั่วลันเตา ถั่วลิสง ถั่วปากอ้าได้ทั้งนั้น ยกเว้นถั่วที่เรียกว่ามะม่วงหิมพานต์ เพราะอาจจะมีไขมันสูงปรี๊ดเกินต้องการไปหน่อย
5. หมากฝรั่งลดความอยาก
มีการวิจัยออกมาว่า แค่เคี้ยวหมากฝรั่งอย่างเดียวเราก็อิ่มได้ เพราะบางทีสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นความหิวอาจจะเป็นแค่อาการโหย อยากมีอะไรเคี้ยวแก้ปากว่างเท่านั้นเอง
มีการวิจัยออกมาว่า แค่เคี้ยวหมากฝรั่งอย่างเดียวเราก็อิ่มได้ เพราะบางทีสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นความหิวอาจจะเป็นแค่อาการโหย อยากมีอะไรเคี้ยวแก้ปากว่างเท่านั้นเอง
6. เครื่องดื่มร้อนๆ
ความร้อนจะกระตุ้นระบบเผาผลาญอาหารให้ทำงานดีขึ้น คนที่ดื่มชาร้อนๆ ตบท้ายมื้ออาหารจึงมักจะผอมกว่าคนที่ตบท้ายด้วยน้ำเย็น
ความร้อนจะกระตุ้นระบบเผาผลาญอาหารให้ทำงานดีขึ้น คนที่ดื่มชาร้อนๆ ตบท้ายมื้ออาหารจึงมักจะผอมกว่าคนที่ตบท้ายด้วยน้ำเย็น
7. อาหารรสจัด
สารแคปไซซินในพริกคือยากระตุ้นระบบเผาผลาญที่ยอดที่สุด คนที่กินพริกหรืออาหารที่ใส่เครื่องเทศรสจัด จะมีโอกาสผอมเพิ่มขึ้นอีก 20 % โดยไม่ต้องไปวิ่งออกกำลังกายให้เสียเวลา แถมเวลากินของเผ็ดเราก็ต้องดื่มน้ำมากๆ เท่ากับจำกัดตัวเองให้กินน้อยลงไปโดยปริยาย
สารแคปไซซินในพริกคือยากระตุ้นระบบเผาผลาญที่ยอดที่สุด คนที่กินพริกหรืออาหารที่ใส่เครื่องเทศรสจัด จะมีโอกาสผอมเพิ่มขึ้นอีก 20 % โดยไม่ต้องไปวิ่งออกกำลังกายให้เสียเวลา แถมเวลากินของเผ็ดเราก็ต้องดื่มน้ำมากๆ เท่ากับจำกัดตัวเองให้กินน้อยลงไปโดยปริยาย
8. ข้าวโอ๊ตแบบซอง
ข้าวโอ๊ตแบบนี้มีขายตามซูเปอร์ทั่วไป ฉะนั้นห้ามบ่นเป็นอันขาดว่าหาซื้อไม่ได้ เวลาหิวๆ แทนที่จะลุกไปทักทายป้าร้ายขายข้าวแกง แค่คุณชงข้าวโอ๊ตนี่กิน คุณจะอิ่มได้ทันที เพราะข้าวโอ๊ตเป็นอาหารไฟเบอร์สูงเลยหนักท้อง ซองเดียวก็อยู่ได้หลายชั่วโมง แถมแคลอรี่ก็ต่ำ ดีอย่างนี้เอาตำแหน่งคู่ใจนักไดเอทไปเลย
ข้าวโอ๊ตแบบนี้มีขายตามซูเปอร์ทั่วไป ฉะนั้นห้ามบ่นเป็นอันขาดว่าหาซื้อไม่ได้ เวลาหิวๆ แทนที่จะลุกไปทักทายป้าร้ายขายข้าวแกง แค่คุณชงข้าวโอ๊ตนี่กิน คุณจะอิ่มได้ทันที เพราะข้าวโอ๊ตเป็นอาหารไฟเบอร์สูงเลยหนักท้อง ซองเดียวก็อยู่ได้หลายชั่วโมง แถมแคลอรี่ก็ต่ำ ดีอย่างนี้เอาตำแหน่งคู่ใจนักไดเอทไปเลย
ขอบคุณข้อมูลจาก spicy
present by hygiene4u.
วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554
สมาธิ: ยาบำบัดความเจ็บปวดทางกายชั้นเยี่ยม
อย่างที่ทราบกันดีว่า จิตใจกับร่างกาย สองสิ่งนี้สัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น และสามารถส่งผลกระทบซึ่งกันและกันในมิติต่างๆได้ แม้กระทั่งการฝึกจิตหรือทำสมาธิเพียงแค่ 80 นาทีสำหรับผู้เริ่มต้น ก็กลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ส่งผลต่อสมองทำให้ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดทางร่างกายได้ พิสูจน์จากผลวิจัยระดับหลังปริญญาเอกของศูนย์การแพทย์ Wake Forest Baptist Medical Center ใน นอร์ธ คาโรไลนา
Fadel Zeidan ผู้เขียนและผู้ร่วมวิจัยผลงานชิ้นนี้ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารด้านประสาทวิทยาศาสตร์ Journal of Neuroscience เผยว่า ผลการศึกษาดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกที่แสดงให้เห็นว่าการฝึกสมาธิชั่วโมงกว่าๆสามารถช่วยอาการเจ็บปวดและการกระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวดที่มาจากการทำงานของสมอง โดยอธิบายว่า “เราพบว่าความรุนแรงของความเจ็บปวดลดลง 40 เปอร์เซ็นต์และความไม่พอใจต่อความเจ็บปวดลดลง 57 เปอร์เซ็นต์ และแสดงให้เห็นว่าสมาธิช่วยลดความเจ็บปวดได้มากกว่ามอร์ฟีนหรือยาแก้ปวดอื่นๆที่ช่วยลดระดับความเจ็บปวดได้ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์”
Fadel Zeidan ผู้เขียนและผู้ร่วมวิจัยผลงานชิ้นนี้ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารด้านประสาทวิทยาศาสตร์ Journal of Neuroscience เผยว่า ผลการศึกษาดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกที่แสดงให้เห็นว่าการฝึกสมาธิชั่วโมงกว่าๆสามารถช่วยอาการเจ็บปวดและการกระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวดที่มาจากการทำงานของสมอง โดยอธิบายว่า “เราพบว่าความรุนแรงของความเจ็บปวดลดลง 40 เปอร์เซ็นต์และความไม่พอใจต่อความเจ็บปวดลดลง 57 เปอร์เซ็นต์ และแสดงให้เห็นว่าสมาธิช่วยลดความเจ็บปวดได้มากกว่ามอร์ฟีนหรือยาแก้ปวดอื่นๆที่ช่วยลดระดับความเจ็บปวดได้ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์”
วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554
ปัญหา ปวดหัว ไมเกรน
ปัญหาทางระบบประสาทอย่างหนึ่ง ที่สร้างความทรมานอย่างยิ่งให้กับผู้ที่ต้องเผชิญคือ อาการปวดหัว โดยมากมักเป็น ๆ หาย ๆ บ้างก็ทราบสาเหตุ บ้างก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่เมื่อเป็นแล้วนอกจากจะสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกายแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการทำงานและการดำเนินชีวิตในด้านอื่น ๆ อีกด้วย
ปวดศีรษะ (Headaches)
ปัญหาของอาการปวดศีรษะมักเกิดจากสาเหตุต่า งๆ ทั้งจากโรคของสมอง เช่น เนื้องอกในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง การอักเสบของเส้นประสาท และปัญหาที่มาจากปัจจัยภายนอก เช่น ความดันโลหิตสูง รับประทานยาบางชนิด เป็นไข้ กระดูกคอเสื่อม ความเครียด ไมเกรน สาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้ อาจแยกจากกันไม่ได้ชัดเจน ต้องอาศัยการตรวจพิเศษและดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจรักษา เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
ปวดศีรษะ (Headaches)
ปัญหาของอาการปวดศีรษะมักเกิดจากสาเหตุต่า งๆ ทั้งจากโรคของสมอง เช่น เนื้องอกในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง การอักเสบของเส้นประสาท และปัญหาที่มาจากปัจจัยภายนอก เช่น ความดันโลหิตสูง รับประทานยาบางชนิด เป็นไข้ กระดูกคอเสื่อม ความเครียด ไมเกรน สาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้ อาจแยกจากกันไม่ได้ชัดเจน ต้องอาศัยการตรวจพิเศษและดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจรักษา เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
ถั่ว สุดยอดอาหาร ชะลอความแก่
ถั่วลันเตา |
เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า "ถั่ว" นั้นให้โปรตีน ไขมัน และพลังงานสูง สาว ๆ บางคนกินถั่วนับเม็ดเป็นอาหารว่างแทนการกินอาหารหนัก ๆ เพราะไม่ต้องการอ้วน การกินถั่ววันละนิดละหน่อยจะช่วยเสริมสารอาหารดี ๆ อย่างคาดไม่ถึง เพราะในถั่วมีทั้งเส้นใยอาหาร มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง อย่างวิตามินอี และมี Linolenic Acid ช่วยบำรุงผิวหนังและเส้นผม นั่นล่ะจึงเป็นสุดยอดการชะลอความชรา
สำหรับผลดีต่อสุขภาพก็มีโอเมก้า 3 ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ นอกจากนี้ อย.ของอเมริกา ยังบอกว่า ทานถั่ววันละ 1 กำมือ ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย
Present by hygiene4u.
สุดยอดอาหารป้องกันโรค
You are what you eat กินอย่างก็ได้ (สุขภาพ) อย่างนั้น ประโยคนี้ยังใช้ได้ผลเสมอ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มีอาหารปรุงแต่งมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็คงสู้อาหารธรรมชาติไม่ได้ หากเราสังเกตสุขภาพตัวเอง และคนใกล้ตัวให้ดีก็จะรู้ว่า อาหารมีผลต่อสุขภาพจริง ๆ
เช่น คนที่รับประทานแต่พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด หรืออาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำ มักจะเจ็บป่วยบ่อย แต่ถ้าใครที่รับประทานผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และปลาอย่างสม่ำเสมอ โดยมีความสมดุลกัน ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี ดังนั้น ดร.เพเตอร์ ชไลเชอร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากเยอรมัน จึงได้จัดลำดับอาหารที่มีประโยชน์ที่สุดต่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายดังนี้
ดวงตา สับปะรด : มีเอนไซม์มากมายที่จะช่วยผ่อนคลายสายตา หลังจากนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน
โรสแมริน : ช่วยทำความสะอาด และช่วยให้เลือดไหลเวียนดีที่ดวงตา
เก๋ากี้ : มีกรดอะมิโน 18 ชนิด และมีแร่ธาตุสำคัญ ๆ เช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม เจอร์มาเนียม ซีลีเนียม และฟอสฟอรัส นอกจากนี้ ยังมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์มากมาย มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสายตา กล่อมประสาทให้หลับสบาย ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย สายตาไม่ดี โดยเฉพาะสายตาบอดในเวลากลางคืน ฯลฯ
สมอง ถั่ว Linsen : มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเลซิติน ให้พลังงานแก่เซลล์สมอง ถั่วลินเซ็นมีขายตามร้านขายอาหารอินเดีย และเป็นอาหารที่ชาวเยอรมันและชาวสวิตเซอร์แลนด์นิยมนำมาทำซุปรับประทานกัน
สัตว์ปีก : ให้พลังงานแก่การทำงานของสมอง
ข้าวโอ๊ต : ให้พลังงานสูงที่สุดสำหรับสมอง นอกจากนี้ ยังมีกรดฟีนอลที่จะช่วยให้เรื่องของความทรงจำที่ดีอีกด้วย
อะโวคาโด : มีวิตามินบีสูง เหมาะสำหรับคนที่มีความเครียด นอนไม่หลับ หรือจิตใจว้าวุ่น
กล้วย : มีฮอร์โมนสำหรับเส้นประสาทในสมอง มีน้ำตาลกลูโคส วิตามิน และเกลือแร่ในการให้พลังงานแก่สมอง
แอพริคอต : มีแร่ธาตุจำเป็นหลากหลายชนิดที่เหมาะกับสมอง
ลูกเกด : มีน้ำตาลที่ให้พลังงานสูง 75%
ลูกแพร : ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี มีน้ำตาล และสารที่คล้ายคลึงกับฮอร์โมนซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานอย่างกระปรี้กระเปร่า
ถั่วลันเตา : มีโปรตีนสูงที่ช่วยในเรื่องความจำ และช่วยให้มีสมาธิดี
สลัดเขียว : มีสารที่คล้ายกับยาชนิดหนึ่งซึ่งจะช่วยให้ระบบประสาทมีความสงบ
ผมและผิว หัวหอมใหญ่ : มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่จะช่วยให้ฟัน กระดูก และเล็บแข็งแรง
ยอดถั่ว : ช่วยทำความสะอาดร่างกาย และช่วยให้รูขุมขนกระชับ
เช่น คนที่รับประทานแต่พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด หรืออาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำ มักจะเจ็บป่วยบ่อย แต่ถ้าใครที่รับประทานผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และปลาอย่างสม่ำเสมอ โดยมีความสมดุลกัน ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี ดังนั้น ดร.เพเตอร์ ชไลเชอร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากเยอรมัน จึงได้จัดลำดับอาหารที่มีประโยชน์ที่สุดต่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายดังนี้
ดวงตา สับปะรด : มีเอนไซม์มากมายที่จะช่วยผ่อนคลายสายตา หลังจากนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน
โรสแมริน : ช่วยทำความสะอาด และช่วยให้เลือดไหลเวียนดีที่ดวงตา
เก๋ากี้ : มีกรดอะมิโน 18 ชนิด และมีแร่ธาตุสำคัญ ๆ เช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม เจอร์มาเนียม ซีลีเนียม และฟอสฟอรัส นอกจากนี้ ยังมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์มากมาย มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสายตา กล่อมประสาทให้หลับสบาย ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย สายตาไม่ดี โดยเฉพาะสายตาบอดในเวลากลางคืน ฯลฯ
สมอง ถั่ว Linsen : มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเลซิติน ให้พลังงานแก่เซลล์สมอง ถั่วลินเซ็นมีขายตามร้านขายอาหารอินเดีย และเป็นอาหารที่ชาวเยอรมันและชาวสวิตเซอร์แลนด์นิยมนำมาทำซุปรับประทานกัน
สัตว์ปีก : ให้พลังงานแก่การทำงานของสมอง
ข้าวโอ๊ต : ให้พลังงานสูงที่สุดสำหรับสมอง นอกจากนี้ ยังมีกรดฟีนอลที่จะช่วยให้เรื่องของความทรงจำที่ดีอีกด้วย
อะโวคาโด : มีวิตามินบีสูง เหมาะสำหรับคนที่มีความเครียด นอนไม่หลับ หรือจิตใจว้าวุ่น
กล้วย : มีฮอร์โมนสำหรับเส้นประสาทในสมอง มีน้ำตาลกลูโคส วิตามิน และเกลือแร่ในการให้พลังงานแก่สมอง
แอพริคอต : มีแร่ธาตุจำเป็นหลากหลายชนิดที่เหมาะกับสมอง
ลูกเกด : มีน้ำตาลที่ให้พลังงานสูง 75%
ลูกแพร : ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี มีน้ำตาล และสารที่คล้ายคลึงกับฮอร์โมนซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานอย่างกระปรี้กระเปร่า
ถั่วลันเตา : มีโปรตีนสูงที่ช่วยในเรื่องความจำ และช่วยให้มีสมาธิดี
สลัดเขียว : มีสารที่คล้ายกับยาชนิดหนึ่งซึ่งจะช่วยให้ระบบประสาทมีความสงบ
ผมและผิว หัวหอมใหญ่ : มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่จะช่วยให้ฟัน กระดูก และเล็บแข็งแรง
ยอดถั่ว : ช่วยทำความสะอาดร่างกาย และช่วยให้รูขุมขนกระชับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)